112Watch FEAR

กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ: จุดบอดทางรัฐธรรมนูญที่ถูกสร้างขึ้น

April 23, 2025

กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของประเทศไทยสะท้อนความย้อนแย้งทางประชาธิปไตยที่รุนแรง: กฎหมายที่มีผลกระทบสูงสุดกลับถูกวางไว้นอกเหนือการศึกษาทางวิชาการโดยสิ้นเชิง การห้ามทางปัญญานี้ส่งผลให้ระบบกฎหมายที่สามารถทำลายชีวิตผู้คนได้ดำรงอยู่ใน “เขตแดนแห่งความเงียบเชิงวิชาการ” ซึ่งทำให้ระบบการศึกษากฎหมายของไทยทั้งระบบกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการธำรงไว้ซึ่งความเป็นไปไม่ได้ในทางรัฐธรรมนูญ

กรณีล่าสุดของการจับกุม Paul Chambers นักวิชาการชาวอเมริกัน สะท้อนรูปแบบการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 อย่างแข็งกร้าว Chambers วัย 58 ปี เป็นอาจารย์ผู้มีประสบการณ์สอนในประเทศไทยมายาวนาน ถูกควบคุมตัวในจังหวัดพิษณุโลก หลังจากที่ทหารไทยยื่นคำร้องเกี่ยวกับข้อความสั้นเกี่ยวกับการเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของสถาบัน ISEAS – Yusof Ishak Institute ประเทศสิงคโปร์ Chambers ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นผู้เขียนข้อความดังกล่าว แม้ว่าเขาจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวด้วยหลักทรัพย์ 300,000 บาท แต่เขาก็ยังต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี สิ่งที่น่าวิตกเป็นพิเศษคือ เจ้าหน้าที่ทหารที่เริ่มต้นดำเนินคดีต่อ Chambers อาจไม่เข้าใจกฎหมายที่พวกเขาใช้อ้างด้วยซ้ำ สถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่ซึ่งขาดความรู้ทางกฎหมายสามารถใช้มาตรา 112 โจมตีปัญญาชนได้เช่นนี้ เป็นอันตรายอย่างยิ่ง มันสะท้อนว่า ทหารกำลังเล่นเกมที่อันตรายกับการแสวงหาความรู้ โดยมุ่งเป้าโจมตีนักวิชาการที่ตั้งคำถามต่อโครงสร้างอำนาจ มากกว่าการปกป้องพระเกียรติอย่างแท้จริง

Paul Chambers holding Khaki Capital. This book describes how militaries in Southeast Asia have benefited economically and the extent to which such gains have been leveraged into political power.

ความเป็นข้อยกเว้นของไทย (Exceptionalism)

แนวทางของประเทศไทยแตกต่างจากประเทศที่มีระบอบกษัตริย์คล้ายกันอย่างชัดเจน เช่น ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งแม้จะมีกฎหมายห้ามวิจารณ์ราชวงศ์อย่างเข้มงวด จนเชื่อมโยงถึงการสังหารนักข่าว Jamal Khashoggi แต่กระนั้น มหาวิทยาลัยในซาอุฯ ก็ยังสามารถอภิปรายถึงกฎหมายเหล่านี้ในเชิงทฤษฎีได้ — สิ่งที่ถูกหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิงในสถาบันการศึกษาของไทย ที่โมร็อกโก มาตรา 179 ซึ่งบัญญัติว่า “การบ่อนทำลาย” สถาบันกษัตริย์มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี แต่โรงเรียนกฎหมายของโมร็อกโกก็ยังศึกษาและวิเคราะห์พื้นฐานเชิงนิติศาสตร์และผลกระทบต่อรัฐธรรมนูญได้ อย่างเป็นปกติ แม้แต่จอร์แดน ที่มีกฎหมายเข้มงวดเพื่อคุ้มครองกษัตริย์ Abdullah II ก็ยังเปิดพื้นที่ให้ถกเถียงในเชิงวิชาการในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ กรณีของสเปนก็ให้บทเรียนสำคัญ: เมื่อศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรปมีคำตัดสินในปี 2018 ว่า สเปนละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกจากการจำคุกชาวกาตาลันที่เผาภาพถ่ายของราชวงศ์ นำไปสู่การถกเถียงอย่างจริงจังในแวดวงกฎหมาย จนเกิดกระบวนการปฏิรูป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยเลย

ความว่างเปล่าในระบบการศึกษา: ความสมรู้ร่วมคิดในทางกฎหมาย

ผลกระทบจากช่องว่างในการศึกษาของไทยนั้นลึกซึ้งเกินกว่างานวิชาการ เมื่อบัณฑิตกฎหมายกลายเป็นทนาย ผู้พิพากษา หรือสมาชิกสภานิติบัญญัติ โดยที่ไม่เคยถูกฝึกให้วิเคราะห์หรือวิจารณ์มาตรา 112 ได้เลย พวกเขาจึงสืบสานระบบที่ยกกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาเหนือกฎหมายอื่น กลายเป็น "คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์" ที่ไม่สามารถตั้งคำถามเช่นเดียวกับบทบัญญัติอื่นได้

ผลก็คือ ประเทศไทยมีบุคลากรทางกฎหมายที่ไม่สามารถจัดการกับหนึ่งในกฎหมายที่ถกเถียงมากที่สุดของประเทศได้ ความย้อนแย้งนี้ยิ่งชัดขึ้นเมื่อตระหนักว่า แม้แต่การถือหรืออ้างถึงประมวลกฎหมายอาญาที่มีมาตรา 112 อยู่ ก็อาจกลายเป็นเรื่องอ่อนไหว นี่คือสถานการณ์แบบ "คาฟคา" ที่ทำลายทั้งการศึกษาและการปฏิบัติกฎหมายอย่างรากลึก

นักวิชาการไทย: ผลกระทบแห่งความหวาดกลัว

สำหรับอาจารย์ในประเทศไทย สถานการณ์นี้ก่อให้เกิดความเครียดอย่างมหาศาล หลายคนเปิดเผยว่าตนเองถูกติดตามสอดส่องตลอดเวลา และต้องอยู่กับความไม่แน่นอนว่า คำพูดใด การสอนครั้งใด หรือบทความใด อาจทำให้ถูกดำเนินคดีได้ในทันที ผลของสิ่งนี้คือ การเซ็นเซอร์ตนเองที่แพร่กระจายออกไปไกลกว่าผู้ที่ถูกดำเนินคดีโดยตรง แทรกซึมเข้าไปในสถาบันที่ควรเป็นแหล่งของการคิดวิเคราะห์อย่างอิสระ อาจารย์ไทยจำนวนมากไม่สามารถพูดถึงหลักการรัฐธรรมนูญขั้นพื้นฐานกับนักศึกษาได้เลย ส่งผลให้เกิดบัณฑิตที่ไม่สามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับประชาธิปไตยได้อย่างตรงไปตรงมา

Exhibition: "Faces of Victims of 112" held in Melbourne, Australia in late 2023.

การบังคับใช้ที่ไม่สมส่วน

องค์กรระหว่างประเทศได้แสดงความกังวลต่อการใช้กฎหมายหมิ่นฯ ของไทยอย่างต่อเนื่อง บทลงโทษที่เกินขนาดยิ่งเน้นให้เห็นถึงธรรมชาติพิเศษสุดของมาตรา 112 เช่น ชายคนหนึ่งในภาคเหนือถูกตัดสินจำคุกอย่างน้อย 50 ปี หรือกรณีหญิงที่ถูกตัดสินจำคุก 43 ปีในปี 2021 และอีกกรณีที่โด่งดังคือ ชายผู้จำหน่ายปฏิทินล้อเลียนที่มีรูปเป็ดเหลือง ถูกตัดสินว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และต้องโทษจำคุก 2 ปี หลังการจับกุม Chambers กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ แสดงความกังวลทันที โดยกล่าวว่ามีข้อห่วงใยเกี่ยวกับการใช้กฎหมายหมิ่นฯ ของไทยมาอย่างยาวนาน และเรียกร้องให้ไทยเคารพเสรีภาพในการแสดงออก แต่แรงกดดันจากนานาชาติก็แทบไม่มีผลต่อการปฏิรูป ในความเป็นจริง เมื่อมีความพยายามปฏิรูปเกิดขึ้นในประเทศ ศาลไทยมักมีคำวินิจฉัยว่าความพยายามดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ กลายเป็นว่ามาตรา 112 ถูกวางอยู่นอกเหนือกระบวนการปฏิรูปในระบอบประชาธิปไตยไปโดยปริยาย

Screenshot of U.S. State Department website of the statement in regards to the arrest of Paul Chambers.

การข่มขู่เชิงยุทธศาสตร์ผ่านการเลือกใช้บังคับ

ชนาธิป ตติยการุณวงศ์ นักวิจัยจาก Amnesty International ซึ่งทำงานด้านการรณรงค์เพื่อปล่อยตัวนักโทษการเมือง วิเคราะห์ว่าการกระทำบางอย่าง เช่น การเพิกถอนวีซ่า มีจุดประสงค์เพื่อส่งสัญญาณเตือนถึงนักข่าวและนักวิชาการต่างชาติในไทยว่า “การพูดถึงสถาบันกษัตริย์อาจทำให้เกิดผลตามมา” สัญญาณนี้ไม่เพียงส่งถึงชาวต่างชาติเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงพลเมืองไทย โดยเฉพาะในภาควิชาการที่อาจเปิดพื้นที่ให้เกิดการถกเถียงในเรื่องเหล่านี้ได้ รูปแบบการบังคับใช้กฎหมายนี้ชี้ชัดว่ามาตรา 112 มีบทบาทเกินกว่าการคุ้มครองพระเกียรติ กลายเป็นเครื่องมือควบคุมการถกเถียงทางการเมืองโดยรวม วางกรอบว่าประเด็นใดสามารถอภิปรายได้ และประเด็นใดเป็น "เขตหวงห้าม" ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่คำวิจารณ์ตรงต่อสถาบัน ไปจนถึงการพูดคุยเรื่องโครงสร้างอำนาจ รูปแบบรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปประชาธิปไตย

UN Working Group on Arbitrary Detention finds the detention of human rights lawyer Arnon Nampa arbitrary calling for immediate release. The Group says the law is vague, overly broad, and criminalizes protected expression, leading to arbitrary detentions. Photo: TLHR Facebook.

ความเป็นไปไม่ได้ของรัฐธรรมนูญ

หากไม่มีเสรีภาพทางวิชาการในการอภิปราย วิเคราะห์ หรือวิจารณ์มาตรา 112 อย่างเปิดเผย การพัฒนารัฐธรรมนูญของไทยจะติดหล่มอยู่ตลอดไป คดีความที่ไร้มูลจะเกิดขึ้นซ้ำๆ เพราะระบบกฎหมายขาดรากฐานทางปัญญาในการแยกแยะระหว่างการศึกษาทางวิชาการกับการละเมิดอย่างแท้จริง ความเงียบเชิงวิชาการเกี่ยวกับกฎหมายหมิ่นฯ ทำให้การตีความผิดและการใช้กฎหมายเกินขอบเขตกลายเป็นเรื่องปกติ แทนที่จะเป็นข้อยกเว้น ตรงข้ามกับระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญอื่น เช่น สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ หรือสวีเดน ที่เปิดให้มีการอภิปรายอำนาจของราชวงศ์อย่างเสรี ระบบของไทยกลับสร้างช่องว่างทางความรู้ที่ทำลายพัฒนาการของนิติศาสตร์รัฐธรรมนูญ แม้แต่ญี่ปุ่นที่ยังมีจักรพรรดิ ก็ใช้การเคารพผ่านจารีตแทนการลงโทษ และเปิดให้มีการศึกษาเชิงวิชาการอย่างจริงจังในเรื่องนี้ — สิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้ในมหาวิทยาลัยไทย

Paul Chambers being booked into prison.

ความกล้าหาญทางวิชาการ คือสิ่งจำเป็น

หากประชาธิปไตยของไทยจะเติบโต ระบบการศึกษากฎหมายของประเทศต้องกล้าเปิดพื้นที่ให้มีการวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมาทุกกฎหมาย รวมถึงกฎหมายที่คุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ กฎหมายที่ไม่สามารถทนต่อการตรวจสอบทางวิชาการ ย่อมก่อให้เกิดคำถามพื้นฐานถึงความสอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย การขาดหายของมาตรา 112 จากหลักสูตรกฎหมายไทย ไม่ใช่เพียงช่องว่างของความรู้ แต่เป็นช่องว่างทางจริยธรรม — เรากำลังผลิตนักกฎหมายรุ่นใหม่ที่ไม่สามารถจัดการกับหนึ่งในกฎหมายที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศ กรณีของ Chambers เป็นเครื่องเตือนใจว่า กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพยังคงถูกใช้เป็นเครื่องมือควบคุมคำพูด และแม้ชาวต่างชาติจะไม่ค่อยถูกดำเนินคดี แต่เมื่อใดที่ถูกใช้ ก็กลายเป็นคำเตือนอันทรงพลังว่า ไม่มีใครรอดพ้นได้ สำหรับนักวิชาการและนักศึกษาไทย สัญญาณชัดเจนยิ่งกว่า: ความรู้บางเรื่องยังคงต้องห้าม คำถามบางคำถามยังคงไม่อาจถามได้ การวิเคราะห์บางเรื่องยังไม่อาจตีพิมพ์

ตราบใดที่สถาบันการศึกษาของไทยยังไม่กล้าเปิดพื้นที่ให้นำมาตรา 112 มาศึกษาวิเคราะห์อย่างจริงจัง ประเทศก็จะยังคงผลิตนักกฎหมายที่ไม่พร้อมจัดการกับกฎหมายที่มีอำนาจมากที่สุด และมีปัญหามากที่สุดของตนเอง ความเงียบในห้องเรียนของไทยเกี่ยวกับมาตรา 112 นั้นบอกเล่าได้มากมาย ถึงอุปสรรคต่อประชาธิปไตยและเสรีภาพทางวิชาการ คำถามพื้นฐานจึงยังไม่ได้รับคำตอบ — และอาจไม่มีวันได้รับคำตอบจากภายในประเทศไทยเอง: สังคมประชาธิปไตยจะดำรงอยู่ได้อย่างไร หากนักกฎหมายของตนถูกห้ามไม่ให้วิเคราะห์ วิจารณ์ หรือปฏิรูปกฎหมายที่ส่งผลกระทบมหาศาลต่อเสรีภาพในการแสดงออก? การทดลองประชาธิปไตยของไทยไม่มีทางประสบความสำเร็จ ตราบใดที่ยังคงมีเขตหวงห้ามทางปัญญาที่ขัดแย้งกับหลักนิติธรรมรัฐธรรมนูญโดยสิ้นเชิง

Prem Singh Gill
Prem Singh Gill เป็นนักวิชาการเยือน ณ มหาวิทยาลัย Muhammadiyah Yogyakarta ประเทศอินโดนีเซีย และเป็นนักวิชาการเยือนในมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศไทย

 

 

Site artwork by PrachathipaType

Contact Us  |  © 2024, 112Watch

Scroll to Top