
112WATCH พูดคุยกับครอบครัวของพอล แชมเบอร์ส
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการจับกุมครั้งนี้ โดยระบุถึงความห่วงใยที่มีอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการที่ประเทศไทยบังคับใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
April 17, 2025
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการจับกุมตัวอาจารย์พอล แชมเบอร์ส โดยชี้ให้เห็นถึงความกังวลที่ยังคงมีอยู่เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศหลายแห่งก็สะท้อนความกังวลนี้เช่นกัน
พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกันที่มีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยนเรศวรในประเทศไทย ได้รับการประกันตัวหลังถูกจับกุมเมื่อเร็วๆ นี้ในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย ซึ่งเป็นกฎหมายที่เข้มงวดอย่างยิ่ง นักวิชาการวัย 58 ปี ซึ่งสอนในประเทศไทยมานานกว่าทศวรรษ ได้ชำระเงินประกันจำนวน 300,000 บาท (ประมาณ 8,800 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ตามคำแถลงจากทีมกฎหมายของเขาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เขาถูกควบคุมตัวในจังหวัดพิษณุโลกเมื่อต้นสัปดาห์ โดยถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งบัญญัติความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดวันพิจารณาคดีของแชมเบอร์ส และคดีของเขานับเป็นกรณีที่แทบไม่เคยเกิดกับชาวต่างชาติที่ต้องถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายที่ฉบับนี้ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทยมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี และถูกวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอดว่าใช้เพื่อปราบปรามผู้เห็นต่างและปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์และกษัตริย์วชิราลงกรณ์
แชมเบอร์สยังคงถูกควบคุมตัวจนถึงช่วงดึกของวันพุธ ขณะที่มีการเจรจาเกี่ยวกับสถานะวีซ่าของเขา ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR) ซึ่งเป็นผู้แทนทางกฎหมายของเขา รายงานว่าทนายความกำลังเตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนวีซ่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวมีต้นตอมาจากคำร้องของตำรวจเมื่อเดือนนี้ โดยเป็นการตอบสนองต่อบทสรุปออนไลน์สั้น ๆ ที่แชมเบอร์สไม่ได้เขียนขึ้นที่เกี่ยวกับการเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งผลิตโดยเว็บไซต์ทางวิชาการในสิงคโปร์ (สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา)



กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการจับกุมครั้งนี้ โดยระบุถึงความห่วงใยที่มีอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการที่ประเทศไทยบังคับใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยเรียกร้องให้ทางการไทยเคารพเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และไม่ใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการปิดกั้นการแสดงออกโดยสุจริต องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศก็ได้แสดงความกังวลเช่นกัน โดยชี้ว่า มาตรา 112 ถูกนำมาใช้กับไม่เพียงแต่นักเคลื่อนไหวและนักศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักวิชาการด้วย แม้ว่าจะมีความพยายามในการผลักดันการปฏิรูปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ศาลไทยได้วินิจฉัยว่าความพยายามในการแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญของประเทศ
ในโอกาสนี้ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ก่อตั้ง 112WATCH ได้มีโอกาสพูดคุยทางโทรศัพท์กับคิท แชมเบอร์ส พี่ชายของพอล คิทเล่าว่า ครอบครัวแชมเบอร์สได้พยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้คดีของพอลเป็นที่รับรู้ในระดับสากล โดยตัวเขาเองได้ติดต่อเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และสื่อมวลชน เพื่อให้ทุกคนรับทราบถึงสวัสดิภาพของพอลในประเทศไทย แถลงการณ์ต่อไปนี้เป็นข้อความที่คิทส่งมายัง 112WATCH:
“พอล แชมเบอร์ส เป็นนักวิชาการอาวุโสที่ได้รับการยอมรับในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นชาวโอคลาโฮมาโดยกำเนิด เขาถูกจับกุมโดยมิชอบ ถูกคุมขังชั่วคราว และกำลังเผชิญกับการพิจารณาคดีในประเทศไทยในข้อหา ‘หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ’ หรือการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นข้อหาที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง (มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี) และยากที่จะเพิกถอนเมื่อคดีเริ่มต้นแล้ว เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ และทีมงานยังคงพยายามเจรจาหาทางออก แต่ยังไม่มีผลลัพธ์และไม่อาจรับประกันได้ พอลใช้ชีวิตในประเทศไทยมานานกว่าสามทศวรรษ เข้าใจวัฒนธรรมและกฎเกณฑ์เป็นอย่างดี และเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่เรื่องประเทศไทย แต่รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยรวม เขาสื่อสารได้ทั้งภาษาไทยและลาว เขาไม่เคยเขียน โพสต์ หรือพูดจาดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเลยแม้แต่น้อย”
คิทยังได้อัปเดตสถานการณ์ล่าสุดว่า “ณ วันที่ 15 เมษายน 2568 พอลได้รับการประกันตัวแล้ว แต่ต้องสวมอุปกรณ์ติดตามข้อเท้า หนังสือเดินทางและวีซ่าทำงานของเขาถูกยึดไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยกำลังจะเข้าค้นบ้านและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเขา เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมที่อาจนำมาใช้ฟ้องร้องเขาเพิ่มเติมในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอันเป็นเท็จนี้ พอลถูกคุมขังในเรือนจำท้องถิ่นเป็นเวลาหนึ่งคืนในวันที่ถูกจับกุม และเขาบอกกับผมว่าเรือนจำนั้นแย่มาก เขาทนไม่ได้ที่จะกลับไปอีก ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในคดีได้ เขาจะต้องเข้าสู่การพิจารณาคดี ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าจะถูกตัดสินว่ามีความผิด เราได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และสำนักงานสมาชิกรัฐสภาคนสำคัญหลายแห่ง”